ตอบ 5 ประเภท ได้แก่
1 บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่าง กำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันทีบูตไวรัส จะ ติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
2 ไฟล์ไวรัส ไฟล (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น
3 มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น
4 หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น
5 โทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจัน (คอมพิวเตอร์)จะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเองจริงๆ แล้วไวรัสมีมากมายหลายรูปแบบ ที่เกิดขึ้นใหม่ในทุกๆวัน ดังนั้นโปรแกรมแอนตี้ไวรัส จึงได้มีการอัฟเดตข้อมูลไวรัสอยู่ทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้มีการป้องกันไวรัสได้ดียิ่งขึ้นครับ แต่ส่วนตัวอยากให้ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส ของแท้ครับ เพราะการอัฟเดทจะมีประสิทธิภาพกว่า แถมทุกวันนี้หาชื้อได้ง่ายราคาก็ไม่แพง
2.จงบอกความแตกต่างระบบการรักษาความปลอดภัยในการชำระเงิน แบบ SSL และ SET
ตอบ ระบบ SSL ข้อดี - มีการลงทุนน้อย หรือแทบไม่มีเลย เนื่องจากปัจจุบันเป็น
ระบบที่ใช้ในวงกว้าง
- สามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนต่าง ๆ ภายในระบบของผู้ใช้ได้
หลังจากที่ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในระบบ
- สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ระหว่างสองจุด (Share Information)
- มีระบบในการป้องกัน และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ข้อเสีย - ใช้วิธีการเข้ารหัสที่ล้าสมัย และใช้กุญแจเข้ารหัสที่มีขนาดเล็ก
ดังนั้นความปลอดภัยอาจไม่เพียงพอ
- ทำการสื่อสารอย่างปลอดภัยได้เพียงสองจุดในแต่ละครั้ง แต่ในระบบ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้บัตรเป็นสื่อนั้น ต้องใช้มากกว่าสองจุดในเวลาเดียวกัน
- มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากไม่มีการรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่าง
ทุกฝ่ายที่ทำการซื้อขายในขณะนั้น ดังนั้นจึงอาจมีการปลอมแปลงเข้ามาในระบบได้
- มีความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญขของลูกค้า เช่น
หมายเลขบัตรเครดิต เนื่องจากร้านค้าสามารถเห็นข้อมูลเหล่านี้ได้
3 . จงอธิบายความหมายและข้อแตกต่างของ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
ตอบ Digital Signature เป็นสิ่งที่แสดงยืนยันตัวบุคคล (เจ้าของ email) และ email (ข้อความใน email) ว่า email นั้นได้ถูกส่งมาจากผู้ส่ง คนนั้นจริงๆ และข้อความไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงและแก้ไขในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายนั้น นอกจากจะทำให้ข้อมูลที่ส่งนั้นเป็นความลับสำหรับผู้ไม่มีสิทธิ์โดยการใช้เทคโนโลยีการรหัสแล้ว สำหรับการทำนิติกรรมสัญญาโดยทั่วไป ลายมือชื่อจะเป็นสิ่งที่ใช้ในการระบุตัวบุคคล(Authentication) และ ยังแสดงถึงเจตนาในการยอมรับ เนื้อหาในสัญญานั้นๆซึ่งเชื่อมโยงถึง การป้องกันการปฏิเสธความรับผิดชอบ (Non-Repudiation) สำหรับในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะใช้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ซึ่งมีรูปแบบต่างๆเช่น สิ่งที่ระบุตัวบุคคลทางชีวภาพ (ลายพิมพ์นิ้วมือ เสียง ม่านตา เป็นต้น) หรือ จะเป็นสิ่งที่มอบให้แก่บุคคลนั้นๆในรูปแบบของ รหัสประจำตัว ตัวอย่างที่สำคัญของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุดอันหนึ่ง คือ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature)ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งใน โครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ (Public Key Infrastructure, PKI)
4. ให้นักศึกษาบอกประโยชน์จากการเล่นอินเตอร์เน็ต หรือเล่นเกมส์ในเวลาเรียนมาอย่างน้อยคนละ 5 ข้อ
ตอบ 1 ค้นหาคว้าหาข้อมูล
2 ทำรายงานตามอาจารย์สั่งได้
3 อ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์
4 หาคำศัพท์บางวิชา
5 เล่นเกมส์คลายเครียด
5. ให้นักศึกษาบอกผลเสียจากการเล่นอินเตอร์เน็ต หรือเล่นเกมส์ในเวลาเรียนมาอย่างน้อยคนละ 5 ข้อ
ตอบ 1 ไม่ตั้งใจเรียน
2 เกรดไม่ดี
3 โดนอาจารย์ว่า
4 ทำงานส่งไม่เสร็จ
5 โดนเรียกผู้ปกครอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น