วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การชำระเงิน

1. วิธีการชำระเงินของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์วิธีใดปลอดภัยที่สุด เพราะเหตุใด
ตอบ         แบบ Paysbuy  เพราะเป็นการให้บริการชำระค่าสินค้าและบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยมีระบบการป้องกันของระบบและยังมีความสะดวกแก่ลูกค้าด้วย


2.ผู้ถือบัตรเครดิตต้องรับผิดชอบหรือไม่ถ้ามีผู้อื่นนำบัตรไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการผ่านทางอินเตอร์เน็ต จงอธิบายและมีข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันอย่างไร
ตอบ       ติดต่อสถาบันการเงินเจ้าของบัตร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ถ้าทำได้) เพื่อแจ้งให้ทราบและแสดงความสุจริตของท่านว่า  บัตรเครดิตของท่านสูญหายไปจริง หากธนาคารแก้ไขปรับปรุงสัญญาการใช้บัตรเครดิตกำหนดให้ผู้ถือบัตรจะต้องรับ ผิดชอบในบรรดาหนี้ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากกรณีใดๆก็ตาม ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ เพียงใดนั้น ผู้เขียนเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวน่าจะถือว่าเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ เนื่องจากกำหนดให้ผู้ถือบัตรรับผิดเกินสมควร ซึ่งจะมีผลทำให้สัญญาข้อนั้นบังคับได้เท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น


4.ชื่อบริษัทและชื่อเว็บไซต์ ที่ให้บริการขนส่งสินค้าภายในประเทศหรือต่างประเทศมาอย่างน้อย 5 บริษัท และอธิบายถึงลักษณะของบริการว่าขนส่งสินค้าประเภทใด
ตอบ       1. กลุ่มบริษัทยูนิไท ผู้ให้บริการด้าน การขนส่งทางเรือ ระหว่างประเทศ การจัดส่ง และ เก็บรักษาสินค้า การซ่อมเรือ และ งานวิศวกรรม โครงสร้างเหล็ก 
                     2. ทีเอ็นที ประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของ เครือข่ายระหว่างประเทศ ที่มีสาขาครอบคลุม กว่า 200 ประเทศ ทั่วโลก ธุรกิจของบริษัท คือ การขนส่ง พัสดุ เอกสารด่วน ทั่วโลก (Global Express), การควบคุมสินค้า ครบวงจร (Logistics) และ การส่งเอกสารด่วน ระหว่างประเทศ          

                     3. บริษัท นาวาไทย บริษัท ผู้เชี่ยวชาญด้าน การคมนาคม ขนส่ง ในประเทศไทย มีความสามารถ บริการด้านการยก และ โหลดสินค้า          
                     4. On Time Line ให้บริการ ส่งเอกสาร พัสดุ ในเขตกรุงเทพ และ ปริมณฑล บริษัท จะจัดส่ง พนักงาน พร้อมมอเตอร์ไซด ์ไปรับเอกสารหรือพัสดุ ที่บริษัทของท่าน, จัดหา พนักงานส่งเอกสาร และ พนักงานขับรถ 


 5.  SMBP Co,Ltd บริการส่งสินค้า ในประเทศ บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง และ การขนส่งสินค้าทางเรือ ณ ท่าเรือคลองเตย 3.กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร มีวิธีการทำงานอย่างไร
ตอบ           เป็นบริการชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ ที่มีระบบจัดเก็บข้อมูลของสมาชิกที่ปลอดภัย ช่วยอำนวยความสะดวกให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้บริการและสมาชิก โดยสมาชิกผู้ซื้อสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์สนุกดอทคอมสามารถเลือกชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่าน สนุก! กระเป๋าตังค์ ได้ทันที วิธีการทำงานเพียงแค่เป็นสมาชิกของเว็บไซต์สนุก! ก็สามารถสมัครใช้บริการนี้ได้ทันที โดยระบบจะใช้ที่อยู่อีเมล์สมาชิกสนุก! เป็นชื่อบัญชีของ สนุก! กระเป๋าตังค์ ซึ่งสมาชิกจะได้รับสิทธิ์ในการกำหนดรหัส (PIN) ที่จะทำหน้าที่เหมือนกับรหัส ATM และกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้การสมัครเปิดบัญชีเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ เมื่อลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ ก็สามารถดูข้อมูลในบัญชีสนุก! กระเป๋าตังค์ได้ทันที ในการทำธุรกรรมทางด้านการเงินนั้น ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้กรอกรหัสผ่าน (PIN) เพื่อความปลอดภัยต่อระบบบัญชีของผู้ใช้

งานสัปดาห์ที่ 5 ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

1.     ให้นักศึกษาค้นหาไวรัสคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมา 5 ชนิด โดยให้บอกชื่อและรายละเอียดการทำงานของไวรัส
ตอบ                5    ประเภท ได้แก่
            1 บูตไวรัส  (boot virus)  คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่าง กำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันทีบูตไวรัส จะ ติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่  ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


            2 ไฟล์ไวรัส ไฟล  (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น


            3 มาโครไวรัส   (macro virus)    คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย  ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น


          4 หนอน (Worm)   เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น


          5 โทรจัน   (Trojan)    คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจัน   (คอมพิวเตอร์)จะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ  มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเองจริงๆ  แล้วไวรัสมีมากมายหลายรูปแบบ ที่เกิดขึ้นใหม่ในทุกๆวัน ดังนั้นโปรแกรมแอนตี้ไวรัส จึงได้มีการอัฟเดตข้อมูลไวรัสอยู่ทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้มีการป้องกันไวรัสได้ดียิ่งขึ้นครับ  แต่ส่วนตัวอยากให้ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส ของแท้ครับ เพราะการอัฟเดทจะมีประสิทธิภาพกว่า แถมทุกวันนี้หาชื้อได้ง่ายราคาก็ไม่แพง 




2.จงบอกความแตกต่างระบบการรักษาความปลอดภัยในการชำระเงิน แบบ SSL และ SET
       ตอบ     ระบบ  SSL ข้อดี     - มีการลงทุนน้อย  หรือแทบไม่มีเลย  เนื่องจากปัจจุบันเป็น
ระบบที่ใช้ในวงกว้าง
           - สามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนต่าง ๆ ภายในระบบของผู้ใช้ได้
หลังจากที่ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในระบบ
           - สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ระหว่างสองจุด  (Share  Information)
           - มีระบบในการป้องกัน  และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ข้อเสีย  - ใช้วิธีการเข้ารหัสที่ล้าสมัย  และใช้กุญแจเข้ารหัสที่มีขนาดเล็ก  
ดังนั้นความปลอดภัยอาจไม่เพียงพอ
           - ทำการสื่อสารอย่างปลอดภัยได้เพียงสองจุดในแต่ละครั้ง  แต่ในระบบ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้บัตรเป็นสื่อนั้น ต้องใช้มากกว่าสองจุดในเวลาเดียวกัน
           - มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากไม่มีการรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่าง
ทุกฝ่ายที่ทำการซื้อขายในขณะนั้น  ดังนั้นจึงอาจมีการปลอมแปลงเข้ามาในระบบได้
           - มีความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญขของลูกค้า  เช่น  
หมายเลขบัตรเครดิต  เนื่องจากร้านค้าสามารถเห็นข้อมูลเหล่านี้ได้    



3  . จงอธิบายความหมายและข้อแตกต่างของ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
  ตอบ      Digital Signature เป็นสิ่งที่แสดงยืนยันตัวบุคคล (เจ้าของ email) และ email (ข้อความใน email)      ว่า email นั้นได้ถูกส่งมาจากผู้ส่ง คนนั้นจริงๆ และข้อความไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงและแก้ไขในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายนั้น นอกจากจะทำให้ข้อมูลที่ส่งนั้นเป็นความลับสำหรับผู้ไม่มีสิทธิ์โดยการใช้เทคโนโลยีการรหัสแล้ว สำหรับการทำนิติกรรมสัญญาโดยทั่วไป ลายมือชื่อจะเป็นสิ่งที่ใช้ในการระบุตัวบุคคล(Authentication) และ ยังแสดงถึงเจตนาในการยอมรับ เนื้อหาในสัญญานั้นๆซึ่งเชื่อมโยงถึง การป้องกันการปฏิเสธความรับผิดชอบ (Non-Repudiation) สำหรับในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะใช้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ซึ่งมีรูปแบบต่างๆเช่น สิ่งที่ระบุตัวบุคคลทางชีวภาพ (ลายพิมพ์นิ้วมือ เสียง ม่านตา เป็นต้น) หรือ จะเป็นสิ่งที่มอบให้แก่บุคคลนั้นๆในรูปแบบของ รหัสประจำตัว ตัวอย่างที่สำคัญของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุดอันหนึ่ง คือ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature)ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งใน โครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ (Public Key Infrastructure, PKI)



4.   ให้นักศึกษาบอกประโยชน์จากการเล่นอินเตอร์เน็ต หรือเล่นเกมส์ในเวลาเรียนมาอย่างน้อยคนละ 5 ข้อ
    ตอบ   1 ค้นหาคว้าหาข้อมูล
                2 ทำรายงานตามอาจารย์สั่งได้
                3 อ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์
                4 หาคำศัพท์บางวิชา
                5 เล่นเกมส์คลายเครียด


5.    ให้นักศึกษาบอกผลเสียจากการเล่นอินเตอร์เน็ต หรือเล่นเกมส์ในเวลาเรียนมาอย่างน้อยคนละ 5 ข้อ
      ตอบ    1 ไม่ตั้งใจเรียน

                     2 เกรดไม่ดี
                     3 โดนอาจารย์ว่า
                     4 ทำงานส่งไม่เสร็จ
                     5 โดนเรียกผู้ปกครอง




           


วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความหมายของ Domainname

ความหมายของ Domainname 
บอกความหมายของ Domainname 2 ระดับ ประเภทต่าง ๆ       .com คือ บริษัท หรือ องค์กรพาณิชย์
      .org คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร
      .net คือ องค์กรที่เป็นเกตเวย์ หรือ จุดเชื่อมต่อเครือข่าย
      .edu คือ สถาบันการศึกษา
      .gov คือ องค์กรของรัฐบาล

บอกความหมายของประเภทองค์กรที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมนเนม     

     .co คือ บริษัทหรือองค์กรพาณิชย์
     .ac คือ สถาบันการศึกษา
     .go คือ องค์กรของรัฐบาล
     .net คือ องค์กรที่ให้บริการเครือข่าย
     .or คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร

บอกความหมายของประเทศที่ตั้งขององค์กร     
     .th   คือ ประเทศไทย
     .cn  คือ ประเทศจีน
     .uk  คือ ประเทศอังกฤษ
     .jp   คือ ประเทศญี่ปุ่น
     .au  คือ ประเทศออสเตรเลีย

ยกตัวอย่างชื่อโดนเมนเนมประเภทต่างๆ มาอย่างน้อย 5 ชื่อเว็บไซต์องค์กรรัฐhttp://www.oic.go.th/ginfo/
เว็บไซต์บริษัทหรือองค์กรพาณิชย์ http://www.smileinfonet.com/
เว็บไซต์สถาบันการศึกษา http://www.bu.ac.th/
เว็บไซต์บริษัทหรือองค์กรพาณิชย์ http://www.thaiairways.co.th/
เว็บไซต์องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไร http://thai.tourismthailand.org/campaign/th/
ยกตัวอย่างเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ 1 เว็บไซต์ เพื่ออธิบายหลักการออกแบบหน้าเว็บนั้น ๆ
http://www.khongnarak.com/store/
การออกแบบหน้าเว็บมีสีที่เรียบ ๆ แถบเมนูข้าง ๆ ดูไม่ค่อยน่าดึงดูด ตัวหน้งสือเรียบ ๆ

วิเคราะห์ระบบเว็บไซต์

http://www.weloveimage.com/ 

ชื่อ Domain                      = .com
ปีที่จดทะเบียน                 = 9/5/2008-09/05/2012
ผู้เป็นเจ้าของ                   = Ms.Settapong Tisutiwong
ที่อยู่บริษัท                      = 1/20 Kritsadanakorn 20 Soi Nopparat 1/5 Taweewattana Bangkok
  Thaveewattana,Bangkok,TH 10170

สินค้าที่นำเสนอ                                         = เสื้อผ้าแฟชั่น
กลุ่มเป้าหมาย                                            =  วัยรุ่นและบุคคลทั่วไป 
รูปแบบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์         = แบบธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C:Business to Consumer)
พันธมิตรของเว็บไซต์                                = Facebook,sanook,pantip
รูปแบบการสร้างสัมพันธ์                           = มี facebook ไว้ติดต่อกับลูกค้า
ลักษณะการออกแบบเว็บไซต์                 = สีสันสดใสสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย แบ่งสินค้าเป็นหมวดหมู่
กลยุทธ์ทางการตลาด                               = ตัวสินค้ามีการอัพเดททุกวัน มีสินค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

คำถาม 5 ข้อ

สื่อสิ่งพิมพ์
ความหมายและความสำคัญของสื่อสิ่งพิมพ์
           พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคำที่เกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ไว้ดังนี้ คำว่าสิ่งพิมพ์ หมายถึง สมุด แผ่นกระดาษ หรือวัตถุใด ๆ ที่พิมพ์ขึ้น รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนที่ แผนผัง แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบายสี
ใบประกาศ แผ่นเสียง หรือสิ่งอื่นใดอันมีลักษณะเช่นเดียวกัน
          “สื่อ หมายถึง ก. ทำการติดต่อให้ถึงกัน ชักนำให้รู้จักกัน
                            น. ผู้หรือสิ่งที่ทำการติดต่อให้ถึงกัน หรือชักนำให้รู้จักกัน
          “พิมพ์ หมายถึง ก. ถ่ายแบบ, ใช้เครื่องจักรกดตัวหนังสือหรือภาพ เป็นต้นให้ติดบนวัตถุ เช่น แผ่นกระดาษ ผ้า ทำให้เป็นตัวหนังสือหรือรูปรอยอย่างใด ๆ โดยการกดหรือการใช้พิมพ์หิน เครื่องกล วิธีเคมี หรือวิธีอื่นใดอันอาจให้เกิดเป็นสิ่งพิมพ์ขึ้นหลายสำเนา
                            น. รูป , รูปร่าง, ร่างกาย, แบบ
           ดังนั้น สื่อสิ่งพิมพ์จึงมีความหมายว่า สิ่งที่พิมพ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระดาษหรือวัตถุใด ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ อันเกิดเป็นชิ้นงานที่มีลักษณะเหมือน ต้นฉบับขึ้นหลายสำเนาในปริมาณมากเพื่อเป็นสิ่งที่ทำการติดต่อ หรือชักนำให้บุคคลอื่นได้เห็นหรือทราบ ข้อความต่าง ๆ

ประวัติสื่อสิ่งพิมพ์
        ประวัติการพิมพ์
                “หลักฐานทางประวัติศาสตร์ศิลปะได้ปรากฏบนผนังถ้ำอัลตามิรา (Altamira) ในสเปน และถ้ำลาสควักซ์ (Lascaux) ในฝรั่งเศส มีผลงานแกะสลักหิน แกะสลักผนัง ถ้าเป็นรูปสัตว์ลายเส้นจึงเป็นหลักฐานในการแกะพิมพ์ เป็นครั้งแรกของมนุษย์ หลังจากนั้นได้มีบุคคลคิดวิธีการทำกระดาษขึ้น จนมาเป็นการพิมพ์ในปัจจุบัน นั่นคือ ไซลั่น ซึ่งมีเชื้อสายจีน ชาวจีน ได้ผลิตทำหมึกแท่งขึ้น ซึ่งเรียกว่า บั๊ก
ประวัติการพิมพ์ในประเทศไทย
          ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา ได้เริ่มแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางศาสนา คริสต์ขึ้น และหลังจากนั้นหมอบรัดเลย์เข้ามาเมืองไทย และได้เริ่มด้านงานพิมพ์จนสนใจเป็นธุรกิจด้านการพิมพ์
           ในเมืองไทย พ.ศ.2382 ได้พิมพ์เอกสารทางราชการเป็นชิ้นแรก คือ หมายประกาศห้ามสูบฝิ่น
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้างพิมพ์จำนวน 9,000 ฉบับ ต่อมาเมื่อวันที่ ก.ค.2387 ได้ออกหนังสือฉบับแรกขึ้น คือ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นจดหมายเหตุอย่างสั้น

ออกเดือนละ 2 ฉบับ และใน 15 มิ.ย. พ.ศ.2404 ได้พิมพ์หนังสือเล่มออกจำหน่ายโดยซื้อลิขสิทธิ์จาก
หนังสือนิราศลอนดอนของหม่อมราโชทัยและได้เริ่มต้นการซื้อขาย ลิขสิทธ ิ์จำหน่ายในเมืองไทย
หมอบรัดเลย์ได้ถึงแก่กรรมในเมืองไทยกิจการ การพิมพ์ของไทยจึงเริ่มต้นเป็นของไทย หลังจากนั้น     ใน พ.ศ.2500 ประเทศไทยจึงนำ เครื่องพิมพ์แบบโรตารี ออฟเซท (Rotary off Set) มาใช้เป็นครั้งแรก โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชนำเครื่องหล่อเรียงพิมพ์ Monotype มาใช้กับตัวพิมพ์ภาษาไทย ธนาคาร แห่งประเทศไทยได้จัดโรงพิมพ์ธนบัตรในเมืองไทยขึ้นใช้เอง

ชนิดของสื่อสิ่งพิมพ์
       1. หนังสือเรียน แบบเรียน ตำรา เอกสารการสอน
       2. หนังสือพิมพ์
       3. วารสาร นิตยสาร
       4. แผ่นปลิว โฆษณา
       5. หนังสือการ์ตูน
       6. หนังสือนวนิยาย
ประเภทของสื่อสิ่งพิมพ์
       สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทหนังสือ
              - หนังสือสารคดี ตำรา แบบเรียน
                  เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่แสดงเนื้อหาวิชาการในศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อสื่อให้ผู้อ่าน เข้าใจความหมาย ด้วยความรู้ที่เป็นจริง จึงเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่เน้นความรู้อย่างถูกต้อง
             - หนังสือบันเทิงคดี
                  เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตขึ้นโดยใช้เรื่องราวสมมติ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับควา เพลิดเพลิน สนุกสนาน มักมีขนาดเล็ก เรียกว่า หนังสือฉบับกระเป๋า หรือ Pocket Book ได้
          สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อเผยแพร่ข่าวสาร
               - หนังสือพิมพ์ (Newspapers) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตขึ้นโดยนำเสนอเรื่องราว ข่าวสารภาพและความคิดเห็น ในลักษณะของแผ่นพิมพ์ แผ่นใหญ่ ที่ใช้วิธีการพับรวมกัน ซึ่งสื่อสิ่งพิมพ์ชนิดนี้ ได้พิมพ์ออกเผยแพร่ทั้งลักษณะ หนังสือพิมพ์รายวัน, รายสัปดาห์ และรายเดือน
                - วารสาร, นิตยสาร เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตขึ้นโดยนำเสนอสาระ ข่าว ความบันเทิง ที่มีรูปแบบการนำเสนอ ที่โดดเด่น สะดุดตา และสร้างความสนใจให้กับผู้อ่าน ทั้งนี้การผลิตนั้น มีการ กำหนดระยะเวลาการออกเผยแพร่ที่แน่นอน ทั้งลักษณะวารสาร, นิตยสารรายปักษ์ (15 วัน) และ รายเดือน
               - จุลสาร 
เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตขึ้นแบบไม่มุ่งหวังผลกำไร เป็นแบบให้เปล่าโดยให้ผู้อ่านได้ศึกษาหาความรู้ มีกำหนดการออกเผยแพร่เป็นครั้ง ๆ หรือลำดับต่าง ๆ ในวาระพิเศษ
                - สิ่งพิมพ์โฆษณา
                         - โบร์ชัวร์ (Brochure) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นสมุดเล่มเล็ก ๆ เย็บติดกันเป็นเล่ม
จำนวน 8 หน้าเป็น อย่างน้อย มีปกหน้าและปกหลัง ซึ่งในการแสดงเนื้อหาจะเกี่ยวกับโฆษณาสินค้า
                         - ใบปลิว (Leaflet, Handbill) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ใบเดียว ที่เน้นการประกาศหรือโฆษณา มักมีขนาด A4 เพื่อง่ายในการแจกจ่าย ลักษณะการแสดงเนื้อหาเป็นข้อความที่ผู้อ่าน อ่านแล้วเข้าใจง่าย
                          - แผ่นพับ (Folder) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตโดยเน้นการนำเสนอเนื้อหา ซึ่งเนื้อหาที่นำเสนอนั้น
เป็นเนื้อหา ที่สรุปใจความสำคัญ ลักษณะมีการพับเป็นรูปเล่มต่าง ๆ
                          - ใบปิด (Poster) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณา โดยใช้ปิดตามสถานที่ต่าง ๆ มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งเน้นการนำเสนออย่างโดดเด่น ดึงดูดความสนใจ
           สิ่งพิมพ์เพื่อการบรรจุภัณฑ์
                 เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ใช้ในการห่อหุ้มผลิตภัณฑ์การค้าต่าง ๆ แยกเป็นสิ่งพิมพ์หลัก ได้แก่ สิ่งพิมพ์ที่ใช้ปิดรอบขวด หรือ กระป๋องผลิตภัณฑ์การค้า สิ่งพิมพ์รอง ได้แก่ สิ่งพิมพ์ที่เป็นกล่องบรรจุ หรือลัง
           สิ่งพิมพ์มีค่า
                 เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่เน้นการนำไปใช้เป็นหลักฐานสำคัญต่าง ๆ ซึ่งเป็นกำหนดตามกฎหมาย เช่น ธนาณัติ, บัตรเครดิต, เช็คธนาคาร, ตั๋วแลกเงิน, หนังสือเดินทาง, โฉนด เป็นต้น
           สิ่งพิมพ์ลักษณะพิเศษ
                 เป็นสื่อสิ่งพิมพ์มีการผลิตขึ้นตามลักษณะพิเศษแล้วแต่การใช้งาน ได้แก่ นามบัตร, บัตรอวยพร, ปฎิทิน,บัตรเชิญ,ใบส่งของ,ใบเสร็จรับเงิน,สิ่งพิมพ์บนแก้ว ,สิ่งพิมพ์บนผ้า เป็นต้น
           สิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์
                 เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้งานในคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้แก่ Document Formats, E-book for Palm/PDA เป็นต้น

บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์
        สื่อสิ่งพิมพ์มีบทบาท ดังต่อไปนี้
             1. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ในงานสื่อมวลชน สื่อสิ่งพิมพ์มีความสำคัญในด้านการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร สาระ และความบันเทิง ซึ่งเมื่องานสื่อมวลชนต้องเผยแพร่ จึงต้องผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์
, วารสาร, นิตยสาร เป็นต้น
            2. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ในสถานศึกษา สื่อสิ่งพิมพ์ถูกนำไปใช้ในสถานศึกษาโดยทั่วไป ซึ่งทำให้
ผู้เรียน ผู้สอนเข้าใจในเนื้อหามากขึ้น เช่น หนังสือ ตำรา แบบเรียน แบบฝึกหัดสามารถพัฒนาได้เป็นเนื้อหาในระบบ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
            3. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ในงานด้านธุรกิจ สื่อสิ่งพิมพ์ที่ถูกนำไปใช้ในงานธุรกิจประเภทต่าง ๆ เช่น งานโฆษณา ได้แก่ การผลิต หัวจดหมาย/ซองจดหมาย, ใบเสร็จรับเงิน/ใบส่งของ, โฆษณาหน้าเดียว, นามบัตร เป็นต้น
            4. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ในงานธนาคารงานด้านการธนาคาร ซึ่งรวมถึง งานการเงิน
และงานที่เกี่ยวกับ หลักฐานทางกฎหมาย ได้นำสื่อสิ่งพิมพ์หลาย ๆ ประเภทมาใช้ในการดำเนินงาน เช่น ใบนำฝาก, ใบถอน, ธนบัตร, เช็คธนาคาร, ตั๋วแลกเงิน และหนังสือเดินทาง
            5. บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีก สื่อสิ่งพิมพ์ที่ทางห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้า ปลีกใช้ในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ใบปิดโฆษณาต่าง ๆ ใบปลิว, แผ่นพับ, จุลสาร

การออกแบบและจัดหน้าสื่อสิ่งพิมพ์

      หลักการสร้างเอกสารสิ่งพิมพ์  ดังรายละเอียดต่อไปนี้
             1. การระบุค่าต่าง ๆ ของโปรแกรม ได้แก่ ค่ากำหนดแถบไม้บรรทัด (Ruler) ว่าเป็นนิ้ว, เซนติเมตรหรือ มิลลิเมตร และยังมีการกำหนดระยะกระโดด หรือที่เรียกว่า Tab ซึ่งควรปรับแต่งค่าเหล่านี้ ก่อนการพิมพ์ให้เหมาะกับความถนัดและเหมาะกับงานพิมพ์นั้น จะช่วยให้การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เกิดความสะดวกรวดเร็ว และตรงกับความต้องการ
             2. การกำหนดค่าของกระดาษ กระดาษแบ่งตามผิวได้ 2 ประเภทคือ
                       2.1 กระดาษไม่เคลือบผิว เป็นกระดาษที่ไม่มีการเคลือบของผิวกระดาษด้วยสารใด ๆ จะมีลักษณะ เป็นผิวขุรขระ
                       2.2 กระดาษเคลือบผิว เป็นกระดาษที่มีการเคลือบผิวด้วยสารเคมีที่ผิวกระดาษ เพื่อให้เกิดความมัน และเรียบ
              ซึ่งมาตรฐานสิ่งพิมพ์ขององค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน ISO (International Organization for Standardization) แบ่งมาตรฐานกระดาษไว้ 3 ชุด ชุด A และ B สำหรับงานพิมพ์ทั่วไป และชุด C  สำหรับงานซองจดหมาย ซึ่งกระดาษจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า สัดส่วนความกว้างและความยาวอยู่ที่ 1 : 1.414 โดยประมาณ 
              3. การตั้งค่าเครื่องพิมพ์ ได้แก่ การตั้งระยะกั้นหน้า (Left Margin) การตั้งระยะกั้นหลัง
(Right Margin) การตั้งระยะขอบบน (Top Margin) หรือการตั้งระยะขอบล่าง (Bottom) เครื่องพิมพ์
แต่ละประเภท แตกต่างกัน หากไม่ได้กำหนดค่าเครื่องพิมพ์ งานพิมพ์ที่ได้อาจเสียระยะในการจัดพิมพ์ไว้ในเอกสาร


         ขั้นตอนการออกแบบสิ่งพิมพ์
             1. เก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งพิมพ์
             2. สรุปลักษณะต่าง ๆ เช่น ประเภทสื่อสิ่งพิมพ์, ลักษณะกระดาษ
             3. ออกแบบแนวคิดสื่อสิ่งพิมพ์ว่าต้องการให้ออกมาให้รูปแบบใด
             4. ทดลองทำและแก้ไขในสิ่งที่ต้องการปรับปรุง
             5. พิมพ์สื่อสิ่งพิมพ์              
กระบวนการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์
       1. ภาพรวมในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ
การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ มุ่งการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ให้แสดงเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีอย่างโดดเด่น โดยกำหนดสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละประเภทให้มีขนาดและรูปแบบเฉพาะแบบเดียวกัน เพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์และบูรณภาพ

1. การทดลองใช้เบื้องต้น
เป็นการนำสิ่งพิมพ์ที่ได้ผลิตขึ้นทั้งหมดไปทดสอบเบื้องต้น เนื้อหาข้อผิดพลาดและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2. การทดลองใช้จริง
เป็นการนำสื่อสิ่งพิมพ์ตามที่ปรับปรุงแล้วไปใช้ในการเรียนการสอนจริงและประเมินผล โดยสอบถามจากนักศึกษาทุกภาคการศึกษา
ข้อดีของสื่อสิ่งพิมพ์
                1.  มีเนื้อที่มีความหลากหลายเพียงพอที่จะใช้บรรจุเนื้อหาสาระ ข้อความภาพต่าง ๆ  ได้ตามความมุ่งหมายของการประชาสัมพันธ์
                2.  ดึงดูดความสนใจ  หรือความสะดวกในการหยิบใช้
                3.  เข้าถึงกลุ่มประชนชนเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ  อายุการใช้ งานนาน
                4.  ให้ข่าวสาร  เนื้อหาสาระความรู้ความเข้าใจอย่างต่อเนื่องด้วย รูปแบบการนำเสนอต่าง  ๆ กัน
            5.เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
            6.สามารถอ่านได้ตามความสามารถของแต่ละบุคคลและสามารถนำติดตัวไปทุกหนแห่ง
            7. เหมาะสำหรับการอ้างอิงหรือทบทวน และสำหรับการผลิตเป็นจำนวนมาก สะดวกในการแก้ไข ปรับปรุงเนื้อหาใหม่
           8. เป็นสื่อมีราคาถูก เมื่อผลิตครั้งละจำวนวนมากๆ คงทนและเก็บได้เป็นเวลานาน

             ข้อเสียของสื่อสิ่งพิมพ์
             1. ถ้าจะทำให้ดีต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
             2. ต้องอาศัยความสามารถในการอ่าน นั่นคือ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายจะต้องเป็น
ผู้ที่อ่านออกเขียนได้
             3. หากต้องการคุณภาพสิ่งพิมพ์ที่มีคุณภาพดี ต้องใช้ต้นทุนที่สูง
             4. บางครั้งต้องพิมพ์ใหม่เพื่อปรับปรุงข้อมูลที่ล้าสมัย
             5. ต้องอาศัยความสามารถในการอ่าน เพราะผู้ที่ไม่รู้หนังสือไม่สามารถอ่านให้เข้าใจได้
              
คุณค่าของสื่อสิ่งพิมพ์
         1.  ใช้ประกอบคำบรรยายในการสอน
            2.  ช่วยเป็นแนวทางในการกำหนดเนื้อหาในรูปแบบเดียวกัน
            3.  ช่วยให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าได้ตลอดเวลาที่ต้องการและใช้เป็นหลักฐานทางวิชาการ
            4.  เป็นสื่อพื้นฐานทางด้านการเรียนการสอน
            5.  ใช้เป็นสื่อเพื่อการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์

ประเภทของการพิมพ์
         ในปัจจุบันมีวิธีการพิมพ์อยู่หลายวิธีด้วยกัน  แต่เป็นที่นิยมกันมากได้แก่




การพิมพ์โดยแม่พิมพ์ร่องลึก (Intaglio Printing)
           วิธี การพิมพ์แบบนี้  จะทำแม่พิมพ์โดยการกัดแบบให้เป็นร่องลงไปในแม่พิมพ์  ส่วนที่เป็นผิวเรียบด้านหน้าใช้น้ำยาเคลือบผิว เพื่อกันหมึกไหลมาเกาะ เมื่อนำหมึกทางลงบนแม่พิมพ์ หมึกจะลงไปขังในร่องที่กัดไว้  หลังจากนั้นนำกระดาษที่ต้องการพิมพ์วางทับบน แม่พิมพ์  หมึกก็จะติดออกมาตามต้องการ  งานพิมพ์ประเภทนี้เป็นชนิดที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม  ตัวพิมพ์จะนูนทั้ง  ภาพลายเส้นและ ตัวหนังสือ  นิยมใช้พิมพ์เอกสารสำคัญเพื่อป้องกันการปลอมแปลงหรือทำเลียนแบบ
 การพิมพ์โดยแม่พิมพ์พื้นแบน (planographic Printing)
            แม่พิมพ์ชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นแผ่นแบน (Plate)การพิมพ์จะอาศัยหลักการทางเคมี  คือ  เมื่อจัดทำภาพบนแผ่นโลหะแบนแล้ว  คุณสมบัติที่ต้องการคือ  เมื่อทาหมึกลงบนแผ่นนั้นส่วนที่เป็นภาพจะดูดหมึกไว้  ส่วนที่ไม่มีภาพคือไม่ต้องการพิมพ์จะไม่ดูดหมึก  เมื่อนำไปกดทับกระดาษหมึกก็จะติดบนกระดาษเป็นภาพที่ต้องการได้  การพิมพ์แบบนี้เป็นที่นิยมมากเรียกว่าระบบออฟเซท (Offset)  เหมาะสำหรบการพิมพ์ตัวหนังสือและภาพหลายเส้น  ลงบนแผ่นกระดาษ  แผ่นโลหะ หรือผ้าก็ได้
             การพิมพ์ออฟเซท  (offset  Printing)    การพิมพ์ออฟเซทเป็นวิธีการพิมพ์แบบพื้นแบนอีกวิธีหนึ่งที่ใช้แม่พิมพ์ทำด้วยแผ่นโลหะอลูมิเนียมหรือเป็นแผ่นสังกะสี หรืออาจทำจากกระดาษ  หรือเป็นแผ่นพลาสติกก็ได้ การเลือกใช้แผ่นแม่พิมพ์ชนิดใดนั้น  ขึ้นอยู่กับจำนวนในการพิมพ์  แม่พิมพ์โลหะ สามารถพิมพ์ได้เป็นจำนวนมากเป็นหมื่น ๆ แผ่น (ชัยยงค์  พรหมวงศ์  2523 : 198)  การพิมพ์แบบออฟเซทมีลักษณะที่พิเศษแตกต่าง จากวิธีการอื่น คือมีลูกโมทรงกระบอกอย่างน้อย 3 ลูก  ทำหน้าที่ดังนี้
            1.  ลูกโมใช้หุ้มแผ่นแม่พิมพ์  อาจเป็นแผ่นโลหะหรือกระดาษก็ได้  เรียกว่า  โมแม่พิมพ์ (Plate Cylinder)  ลูกโมแม่พิมพ์  จะมีลักษณะกลมเหมือนท่อโลหะขนาดใหญ่  มีขอเกี่ยวแผ่นแม่พิมพ์หรือเพลทให้ตรึงแน่นไม่เคลื่อนที่ติดกับ ลูกดม  เพราะแผ่นเพลท จะต้องถูกับลูกกลิ้งหมึกและลูกกลิ้งน้ำอยู่ตลอดเวลา ถ้าเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อย  ตำแหน่งของภาพจะ เคลื่อนไปจะมีปัญหากับการพิมพ์ สอดสีหรือการพิมพ์หลายเพลท
            2.  ทำหน้าที่รับภาพจากแผ่นแม่พิมพ์  เรียกว่าลูกโมยาง  (Blanket Cylinder)
            3.  ทำหน้าที่กดกระดาษให้แนบกับลูกโมยาง  เพื่อให้หมึกติดเป็นภาพลงบนกระดาษ (Impression  cylinder)

 การพิมพ์โดยแม่พิมพ์นูน (Relief Printing)
            การพิมพ์วิธีนี้เป็นการแกะหรือกัดบล็อค  หรือการใช้ตัวอักษรหล่อเป็นตัวนูน  เมื่อนำหมึกทาลงบนหน้าของบล็อค แล้วนำไปกดทับบนกระดาษก็จะได้ภาพบนกระดาษนั้น  แม่พิมพ์ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือตัวอักษรจะต้องกลับซ้ายขวา  เพราะการพิมพ์จะเหมือนกับการกดด้วยตรายาง  ภาพจะกลับเป็นจริงบนกระดาษ  แม่พิมพ์อาจทำได้หลายวิธี  เช่น  การแกะด้วยมือ  การหล่อหรือจะใช้วิธีการแกะบล็อคก็ได้  โดยเฉพาะแม่พิมพ์เป็นภาพจากภาพถ่าย  สำหรับวิธีการหล่อส่วนมาก จะหล่อเป็นตัวอักษรนำมาเรียง เรียกว่า ตัวเรียงพิมพ์ (Letter press) จึงเรียกว่าการพิมพ์แบบตัวเรียง (Letter Press Printing)

การพิมพ์โดยแม่พิมพ์ลายฉลุ (Screen-Process printing)
            การพิมพ์วิธีนี้  เป็นวิธีพิมพ์ที่ใช้หลักการง่ายๆ คือ  การใช้แม่พิมพ์ที่ทำด้วยผ้าบาง ๆ แต่มีความเหนียว  โดยมีจุด ประสงค์ว่าถ้าบริเวณใดที่ไม่ต้องการให้หมึกผ่านก็บังส่วนนั้น  เมื่อทำการพิมพ์จะวางแม่พิมพ์ทับบนกระดาษและปาดหมึกลง บนแม่พิมพ์ที่วางทับอยู่นั้น  ส่วนที่เปิดไว้หมึกก็จะไม่สามารพผ่านลงไปติดกระดาษได้  ส่วนที่ไม่ได้ปิดไว้หมึกก็จะลงไปติดกระดาษ ที่รองอยู่ด้านล่าง  ทำให้ได้ภาพตามที่ต้องการ  การสร้างแม่พิมพ์ลายฉลุมี 3 วิธีคือ
            1.  การฉลุด้วยมือ (Hand  Cut  Stencil)
            2.  การใช้วิธีการถ่ายภาพ (Photo Stencil)
            3.  การใช้เครื่องปรุไขอิเล็คโทรนิคส์

การพิมพ์ด้วยแสงโดยวิธีการถ่ายเอกสาร
            ในปัจจุบันเครื่องถ่ายเอกสารนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งในการดำเนินงาน  ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ  ด้านการติดต่องาน หรือทางด้านการศึกษา  หลักการอย่างง่าย ๆ ในการทำงานของเครื่องถ่ายเอกสาร  เป็นลำดับขั้นตอนดังนี้
     1.  แสงสว่างจากหลดไฟส่องไปกระทบกับต้นฉบับและสะท้อนภาพไปยัง Drum
     2.  เกิดไฟฟ้าสถิตบนผิว  Drum  บริเวณที่ไม่ได้รับแสงสะท้อนที่เป็นภาพ
     3.  ผงแม่เหล็กที่อยู่ในกล่องรวมกับผงหมึกถูกส่งออกมาเกาะที่ผิว Drum เฉพาะบริเวณที่เป็นภาพ
     4.  แผ่นกระดาษเคลื่อนที่ผ่าน
      5.  เกิดประจุที่มีกำลังสูงกว่า  บนเส้นลวดใต้แผ่นกระดาษที่กำลังเคลื่อนที่  การเคลื่อนที่ของกระดาษจะ สัมพันธ์กับ Drum
      6.  ผงเหล็กจะพาผงหมึกลงมาที่กระดาษ  ที่จริงแล้วจะมาที่เส้นลวดแต่มีกระดาษ  ขวางอยู่ผงจึงติดอยู่ บนกระดาษ  ภาพจึงมาปรากฏบนกระดาษเพราะมีผงหมึกที่ถูกดูดลงมาตามลักษณะของภาพ
      7.  กระดาษที่มีภาพปรากฏ  เคลื่อนที่ผ่านลูกกลิ้งความร้อนและอัดให้ผงหมึกละลายติดแน่นเป็นภาพที่คง ทนตามต้องการ


ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการพิมพ์
            การศึกษาในปัจจุบัน  ผู้เรียนต้องมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างน้อยควรเป็นขั้นพื้นฐาน  การใช้งานส่วน มากเน้น ไปที่การพิมพ์รายงาน  เพื่อให้ได้ผลงานการพิมพ์ที่คุณภาพดี  เรามักใช้โปรแกรม Winword  บน Windows  สำหรับเครื่อง PC ใช้งานทั่วไป  เนื่องจากมีแบบตัวอักษรที่สวยงามหลายรูปแบบ  ผู้สนใจควรศึกษาโปรแกรมเหล่านั้นและ ฝึกหัดให้บ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการใช้งาน  การที่จะใช้โปรแกรมอื่นก็ได้เพราะโปรแกรมกราฟฟิกจะมีส่วนของ การพิมพ์ตัวอักษรอยู่แล้ว ถ้าหากมีความรู้ทางด้านโปรแกรมราชวิธี (RW) หรือ จุฬา (CW)  ก็ใช้งานได้เช่นเดียวกัน  แต่ตัว เลือกที่จะใช้อักษรแบบต่าง ๆ มีน้อย  แต่ก็ใช้งานไม่ยุ่งยากซับซ้อน  อุปกรณ์ประกอบที่สำคัญคือ เครื่องพิมพ์ที่ใช้ร่วมกับ คอมพิวเตอร์นั่งเอง  เครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีดังนี้
           เครื่องพิมพ์แบบ Dot Matrix
           เป็นเครื่องพิมพ์ใช้ระบบการกระแทก  โดยใช้หัวเข็มขนาดเล็กซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดคือถ้าเป็นเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กจะมี 9 หัวเข็ม  และขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูงจะมี 24 หัวเข็ม  การทำงานเป็นไปตามคำสั่งของเครื่องคอมพิวเตอร์  หัวเข้มจะ กระแทกผ่านผ้าหมึกพิมพ์เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ดีด  ตัวอักษรก็จะไปติดบนกระดาษ  และฉบับที่พิมพ์นี้ไปทำสำเนา จำนวน มากด้วยเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลหรือถ่ายเอกสารได้เลย  แต่ถ้าหากจะนำไปพิมพ์สำเนาในระบบโรเนียวให้พิมพ์ลงบน กระดาษ ไขโดยนำผ้าพิมพ์ออก  และให้หัวเข็มกระแทกเจาะลงบนกระดาษไขเช่นเดียวกับการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องพิมพ์ ประเภทนี้มีความจำเป็นในการพิมพ์ที่ต้องสำเนาด้วยคาร์บอน 2 - 3 ชั้น  เช่นการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน  เป็นต้น
             เครื่องพิมพ์แบบ  Inkjet
             เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานตามคำสั่งของคอมพิวเตอร์  โดยวิธีการพ่นหมึกโดยตรงลงบนกระดาษโดยหัวพิมพ์ จะ บรรจุหมึกเป็นแบบ  Ink Cartridgeการพ่นหมึกออกมานี้มีอยู่ 2 แบบ  คือ  แบบใช้ความร้อน (heating/cooling (thermal) inkjet method)  ซึ่งใช้อยู่ในเครื่อง Canon , HP และ  lenmark ส่วนแบบที่ 2 เป็นแบบ mechanical method เครื่อง Epson ใช้ระบบนี้  การพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ตในปัจจุบันได้คุรภาพที่ดีมากทั้งนี้ขึ้นอยุ่กับคุณภาพของกระดาษ ที่นำมาใช้พิมพ์ เนื่องจากหมึกพิมพ์จำเป็นต้องการกระดาษที่ซึมซับหมึกได้ง่ายและรวดเร็ว  ไม่เช่นนั้นจะให้เลอะได้ง่ายอีก ประการหนึ่งจำเป็น ต้องปรับไดรแอร์ให้เหมาะสมกับการพิมพื  เพราะถ้าหากเครื่องพิมพ์ทำงานผิดพลาดตัวอักษรหรือรูปภาพ จะเกิดอาการสั่นหรือ ภาพส่ายเป็นคลื่น  ความเร็วในการพิมพ์จะประมาณ 1 - 2 แผ่นต่อนาที  การใช้เครื่องพิมพ์ประเภทนี้จึง เหมาะกับการทำต้นฉบับ จำนวนน้อย  และนำไปสำเนาด้วยเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลหรือนำไปถ่าย ทำเพลทออฟเวทได้โดยตรง
เลเซอร์ (Laser Printer)
         เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์เป็นการทำงานโดยใช้ Photo sensitive drum ในการทำงานเพื่อให้เกิดรูปภาพหรือ ตัวอักษร  ซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับเครื่องถ่ายเอกสารมาก  จะแตกต่างกันตรงที่ข้อมูลของเครื่องถ่ายเอกสารจะ เป็น แผ่นภาพหรือตัวอักษรที่ต้องการทำสำเนาลงบนกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ให้เหมือนกับต้นฉบับเดิม  ส่วนการพิมพ์ด้วยเลเซอร์ เป็น การถ่ายโอนข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์  โดยเมื่อต้องการพิมพ์โปรแกรมการพิมพ์ก็จะส่งข้อมูลไปยัง เครื่องโดยใช้ Page Description Language  เครื่องพิมพ์ก็จะประมวลผลทีละหน้าและเก็บไว้ในหน่วยความจำของเครื่อง พิมพ์  หลังจากนั้นจะเกิดการ Modulation ทำให้ลำแสงสะท้อนผ่านกระจกเงาที่กำลังหมุนสัมพันธ์กับดรัมที่เคลือบด้วยวัสดุ ไวแสงหมุนไปพร้อม ๆ กัน  แสงเลเซอร์จะกวาดไปบนสแกนไลน์  (Scan Line) ทำให้เกิดจุดไฟฟ้าสถิตเล็ก ๆ ขึ้นบนผิวดรัม ในขณะเดียวกันดรัมก็จะดูดเอาโทนเนอร์ที่มีประจุไฟฟ้าอย่ติดขึ้นมาตามคำสั่งภาพหรืออักษรนั้น เมื่อกระดาษผ่านเข้ามาก็จะดูด เอาผงหมึกลงมาเกาะติดและผ่านกระบวนการความร้อนเพื่อให้เกิดการหลอมละลายติดบนกระดาษ   ผลของการพิมพ์ที่ได้  สามารพนำไปเป็นต้นฉบับได้เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์อิงค์เจต  การพิมพ์ด้วยเครื่อง เลเซอร์จะมี ความเร็วสูงกว่าอิงค์เจตมาก  โดยประมาณ 4-20 แผ่นต่อนาที  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขีดความสามารพของเครื่องพิมพ์



2. บทบาทอาจารย์ นักวัดผล นักเทคโนโลยีการศึกษา และนักศึกษา
ในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์นั้นต้องอาศัยความร่วมมือและการประสานงานจากบุคคลหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่จะต้องมีความเข้าใจและร่วมมือที่ดีต่อกันระหว่างกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ได้แก่

อาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นนักวิชาการด้านเนื้อหา เป็นผู้เขียนเนื้อหาสาระของแต่ละรายวิชาที่จะนำมาผลิตเป็น
สื่อสิ่งพิมพ์
นักวัดผลการศึกษา มีบทบาทร่วมกับนักวิชาการด้านเนื้อหาในการกำหนดวัตถุประสงค์การเรียน ออกแบบประเมินก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน การจัดทำข้อสอบประเภทต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือใช้ในการประเมินผลการศึกษา รวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อสอบและการสร้างคลังข้อสอบประจำวิชานักเทคโนโลยีการศึกษา มีบทบาทในการออกแบบภาพประกอบและกราฟฟิคของสื่อสิ่งพิมพ์นักศึกษา มีบทบาทที่สำคัญในการเรียนรู้และร่วมทดสอบ ประเมินประสิทธิภาพของสื่อสิ่งพิมพ์ โดยให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้สื่อสิ่งพิมพ์
3. อุปกรณ์การผลิตในระยะแรกที่ทางมหาวิทยาลัยยังไม่มีโรงพิมพ์เป็นของตนเอง สื่อสิ่งพิมพ์ทุกประเภทสามารถดำเนินการผลิตได้ที่ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา และอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกแบบสิ่งพิมพ์ซึ่ง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง อาทิเช่น เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องพิมพ์เลเซอร์ Zip Drive เป็นต้น เครื่องมือเหล่านี้จะต้องเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยและมีความเร็ว4. สภาพแวดล้อมในการผลิตตามที่มหาวิทยาลัยจัดตั้งหน่วยผลิตและพัฒนาสื่อการศึกษา เพื่อเป็นหน่วยกลางในการผลิตสื่อมัลติมีเดีย ทั้งสื่อภาพ สื่อเสียง สื่อกราฟิก และสื่อพิมพ์ เพื่อนำไปใช้ในระบบการศึกษาไร้พรมแดนและเพื่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นในมหาวิทยาลัย งานผลิตสื่อสิ่งพิมพ์สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของหน่วยฯ นี้ได้ โดยสภาพแวดล้อมในด้านการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์นั้นต้องให้มีความเหมาะสมในด้านบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการออกแบบสื่อโดยมีอุณหภูมิและแสงสว่างที่เหมาะสม

ขั้นตอนการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์
ขั้นตอนในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ มีขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอนได้แก่ ขั้นวางแผน ขั้นเตรียมการ ขั้นผลิตและขั้นประเมิน1. ขั้นวางแผน ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้1) แต่งตั้งกลุ่มผลิตรายวิชา ประกอบด้วย ประธาน บรรณาธิการ นักวิชาการด้านเนื้อหา นักเทคโนโลยีการศึกษาและผู้จัดการหรือเลขานุการ
              2) พิจารณาคัดเลือกผู้เขียนได้แก่ อาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก เพื่อเขียนเนื้อหาสาระสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละ รายวิชา โดยพิจารณาจากคุณวุฒิและประสบการณ์ที่ตรงกับเนื้อหาสาระที่จะเขียนในรายวิชานั้นๆ แล้วจึงเสนอชื่อผู้เขียน โดยฝ่ายเลขานุการจะเป็นผู้จัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติและผลงานของทุกท่านเสนอไปยังโครงการการศึกษาไร้พรมแดน เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารโครงการ นำเสนอสภาวิชาการเพื่อพิจารณาและอนุมัติต่อไป
              3) เมื่อสภาวิชาการพิจารณาอนุมัติกลุ่มผลิตรายวิชาแล้ว ประธานกลุ่มผลิตรายวิชาจะแจ้ง และมอบหมายงานให้ผู้เขียนในแต่ละหน่วยไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียด เกี่ยวกับการแบ่งหน่วยการสอนเป็นตอนและหัวเรื่อง โดยผู้เขียนในแต่ละหน่วยจะไปจัดทำแผนผังแนวคิดของแต่ละหน่วย แล้วกำหนดชื่อตอน ชื่อหัวเรื่อง และหัวเรื่องย่อย แล้วจึงนำโครงร่างดังกล่าวเสนอกลุ่มผลิตรายวิชาเพื่อพิจารณา
              4) กลุ่มผลิตรายวิชาจะร่วมกันพิจารณาชื่อตอนและหัวเรื่องที่ผู้เขียน แต่ละหน่วยเสนอมา โดยพิจารณาความ สอดคล้องและความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ทั้งในหน่วยการสอนและระหว่างหน่วยการสอน เป็นการป้องกันความซ้ำซ้อน ที่อาจเกิดขึ้น
     
5) กลุ่มผลิตรายวิชามีประธานเป็นผู้ดูแลการผลิตชุดวิชานั้น ประธานอาจเป็นบรรณาธิการเอง หรือคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในกลุ่มผลิตมาเป็นบรรณาธิการแทน ซึ่งผู้ที่เป็นบรรณาธิการนี้จะต้องเป็นบุคคลที่มีความรอบรู้ในเนื้อหาสาระทั้งหมด คอยตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาสาระ ความถูกต้องของภาษาและรูปแบบ ทั้งยังต้องคอยติดต่อประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องในการจัดพิมพ์ ดังนั้นบรรณาธิการจะต้องเป็นผู้ที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีความรับผิดชอบสูง เพื่อให้สื่อสิ่งพิมพ์มีมาตรฐานและเสร็จทันเวลากำหนด
             6) ในการเตรียมเนื้อหาสาระที่จะจัดพิมพ์ ผู้เขียนแต่ละท่านจะใช้โปรแกรม Microsoft Word ในการเขียนเนื้อหาแล้วเก็บบันทึกข้อมูลลงในแผ่นดิสก์ในรูปแบบของ Word Document File โดยมีกำหนดระยะเวลา ที่แน่นอนในการส่งต้นฉบับ (Hard Copy) ให้ผู้เขียนส่ง พร้อมแผ่นดิสก์ให้แก่กลุ่มผลิตรายวิชา เพื่อร่วมกันตรวจสอบ ความถูกต้องของเนื้อหาวิชาที่เสนอ ความยากง่าย ความทันสมัยของเนื้อหาและข้อมูล และความถูกต้องของการใช้ภาษา และศัพท์เฉพาะ ถ้ามีข้อขัดแย้งหรือเกิดปัญหาในเรื่องความถูกต้องของเนื้อหา บรรณาธิการจะเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับ
ผู้เขียนหรือประธานกลุ่มผลิตรายวิชา เพื่อหาข้อยุติและตรวจสอบครั้งสุดท้ายก่อนนำส่งให้นักวิชาการการพิมพ์เพื่อจัดวางรูปหน้า (Layout) ใหม่ในคอมพิวเตอร์ระบบแมคอินทอช
           7) นักวิชาการการพิมพ์จัดรูปหน้าสิ่งพิมพ์โดยใช้โปรแกรมจัดวางรูปหน้าชั้นสูงคือโปรแกรม Adobe PageMaker ช่วยในการจัดการ โดยนักวิชาการการพิมพ์จะทำการเปลี่ยนแปลง ตัวอักษรและรูปแบบจาก Word Document File ที่ผู้เขียนใช้เขียนต้นฉบับมาเป็น PageMaker File แทน (PageMaker ใช้กันทั่วไปในสำนักพิมพ์ในเมืองไทย) ถ้าสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทไหนหรือเล่มใดที่ไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมจัดการชั้นสูงในการจัดทำ Layout นักวิชาการการพิมพ์ก็จะใช้โปรแกรม Microsoft Word ของคอมพิวเตอร์ระบบพีซี ซึ่งเป็น Format เดียวกันกับที่ผู้เขียนจัดส่งมาให้ ทั้งนี้เพื่อลดขั้นตอนในการผลิต และเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการจัดทำ
8) เพื่อให้สิ่งพิมพ์มีรูปแบบแสดงเอกลักษณ์โดดเด่นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จึงกำหนดการใช้ขนาดของกระดาษปกให้เป็นกระดาษอารต์การ์ด น้ำหนัก 210 กรัมต่อตารางเมตร ขนาด A4 (210 x 297 มิลลิเมตร) และกระดาษเนื้อในเป็นกระดาษปอนด์ขาว น้ำหนัก 60 กรัมต่อตารางเมตร ขนาด A4 (210 x 297 มิลลิเมตร) ส่วนตัวอักษรในสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิดให้เป็นอักษร AngsanaUPC 2. ขั้นเตรียมการ ในการเตรียมการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์มหาวิทยาลัยต้องจัดตั้งศูนย์หรือหน่วยงานผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ขึ้น
พร้อมทั้งจัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญใน การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์และอุปกรณ์ในการออกแบบ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบพีซี เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบแมคอินทอช เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องพิมพ์เลเซอร์ความเร็วสูง(ขาว/ดำ) และZip Drive รวมไปถึงการจัดหาอุปกรณ์ในการพิมพ์ เช่น กระดาษปก และกระดาษสำหรับพิมพ์ เนื้อหาสาระของเอกสารแต่ละประเภท 3. ขั้นผลิต เมื่อนักวิชาการการพิมพ์ได้รับข้อมูลที่จะผลิตสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละประเภทจากบรรณาธิการ ก็จะจัดทำ Layout ให้เป็นมาตรฐานตามแบบที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด นักวิชาการการพิมพ์จะทำการพิมพ์ Dummy ออกมาเพื่อส่งกลับไปให้ผู้เขียนและบรรณาธิการได้ตรวจสอบเนื้อหาสาระและรูปแบบอีกครั้ง ว่าตรงกับที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอหรือไม่ ผู้เขียนและบรรณาธิการสามารถแก้ไขหรือเพิ่มเติมเนื้อหาสาระใน Dummy นั้นได้เลย แล้วส่งกลับไปยัง นักวิชาการการพิมพ์เพื่อทำการปรับแต่ง จนกว่าจะเรียบร้อยสมบูรณ์และไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ เมื่อเนื้อหาที่จะนำเสนอมีความถูกต้องสมบูรณ์แล้วนักวิชาการการพิมพ์ก็จะพิมพ์ออกมาอีกครั้งเป็น ฉบับสมบูณ์เพื่อส่งต่อไปที่ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษาดำเนินการผลิตเป็นสิ่งพิมพ์ตามจำนวนที่ต้องการต่อไป4. ขั้นประเมิน ในการประเมินคุณภาพของสื่อสิ่งพิมพ์นั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากนักศึกษาทุกท่าน เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่สอบถามกลับมาและนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขสื่อสิ่งพิมพ์นั้นๆ ให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด