วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความหมายของกราฟิก

ความหมายของกราฟิก

........กราฟฟิก (Graphic) มาจากภาษากรีก 2 คำคือ
1. Graphikos หมายถึง การวาดเขียน
2. Graphein หมายถึง การเขียน
ต่อมามีผู้ให้ความหมายของคำว่า “กราฟิก” ไว้หลายประการซึ่งสรุปได้ดังนี้
........กราฟิก หมายถึง ศิลปะแขนงหนึ่งซึ่งใช้สื่อความหมายด้วยเส้น สัญลักษณ์ รูปวาด ภาพถ่าย กราฟ แผนภูมิ การ์ตูน ฯลฯ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายข้อมูลได้ถูกต้องตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ
กราฟิกประกอบด้วย
1. ภาพบิตแมพ (Bitmap) เป็นภาพที่มีการเก็บข้อมูลแบบพิกเซล หรือจุดเล็กๆ ที่แสดงค่าสี ดังนั้นภาพหนึ่งๆ จึงเกิดจากจุดเล็กๆ หลายๆ จุดประกอบกัน (คล้ายๆ กับการปักผ้าครอสติก) ทำให้รูปภาพแต่ละรูป เก็บข้อมูลจำนวนมาก เมื่อจะนำมาใช้ จึงมีเทคนิคการบีบอัดข้อมูล ฟอร์แมตของภาพบิตแมพ ที่รู้จักกันดี ได้แก่ .BMP, .PCX, .GIF, .JPG, .TIF
2. ภาพเวกเตอร์ (Vector) เป็นภาพที่สร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นลักษณะต่างๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเส้นนั้นๆ ซึ่งสร้างจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น ภาพของคน ก็จะถูกสร้างด้วยจุดของเส้นหลายๆ จุด เป็นลักษณะของโครงร่าง (Outline) และสีของคนก็เกิดจากสีของเส้นโครงร่างนั้นๆ กับพื้นที่ผิวภายในนั่นเอง เมื่อมีการแก้ไขภาพ ก็จะเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของเส้น ทำให้ภาพไม่สูญเสียความละเอียด เมื่อมีการขยายภาพนั่นเอง ภาพแบบ Vector ที่หลายๆ ท่านคุ้นเคยก็คือ ภาพ .wmf ซึ่งเป็น clipart ของ Microsoft Office นั่นเอง นอกจากนี้คุณจะสามารถพบภาพฟอร์แมตนี้ได้กับภาพในโปรแกรม Adobe Illustrator หรือ Macromedia Freehand
3. คลิปอาร์ต (Clipart) เป็นรูปแบบของการจัดเก็บภาพ จำนวนมากๆ ในลักษณะของตารางภาพ หรือห้องสมุดภาพ หรือคลังภาพ เพื่อให้เรียกใช้ สืบค้น ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว
4. HyperPicture มักจะเป็นภาพชนิดพิเศษ ที่พบได้บนสื่อมัลติมีเดีย มีความสามารถเชื่อมโยงไปยังเนื้อหา หรือรายละเอียดอื่นๆ มีการกระทำ เช่น คลิก (Click) หรือเอาเมาส์มาวางไว้เหนือตำแหน่งที่ระบุ (Over)
.
คอมพิวเตอร์กราฟฟิก
........คอมพิวเตอร์กราฟฟิก หมายถึง การสร้าง การตกแต่งแก้ไข หรือการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ ยกตัวอย่างเช่น การทำ Image Retouching ภาพคนแก่ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การสร้างภาพตามจินตนาการ และการใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ตรงตามที่ผู้สื่อสาร ต้องการและน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยกราฟ แผนภูมิ แผนภาพ เป็นต้น
........ภาพกราฟิกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
-กราฟิกแบบ 2 มิติ เป็นภาพที่พบเห็นโดยทั่วไป เช่น ภาพถ่าย รูปวาด ภาพลายเส้น สัญลักษณ์ กราฟ รวมถึงการ์ตูนต่างๆ ในโทรทัศน์
-กราฟิกแบบ 3 มิติ เป็นภาพกราฟิกที่ใช้โปรแกรมสร้างภาพ 3 มิติโดยเฉพาะ เช่น โปรแกรม 3Ds Max โปรแกรม Maya เป็นต้น
.
กราฟิกกับสังคมปัจจุบัน
........ปัจจุบันเทคโนโลยีได้วิวัฒนาการไปค่อนข้างรวดเร็ว การใช้ระบบการติดต่อสื่อสารที่มี ประสิทธิภาพมากขึ้น มีการกระจายของข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว โดยอาจเป็นการกระจายข้อมูล จาก ที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง และการที่จะให้คนอีกซีกโลกหนึ่งเข้าใจความหมายของคนอีกซีกโลกหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ง่ายนักเนื่องมาจากความแตกต่างกันทั้งทางด้านขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม สภาพภูมิประเทศ สภาพดินฟ้าอากาศความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น ดังนั้นการใช้งานกราฟิกที่ดีที่สามารถสื่อความหมายได้ชัดเจนถูกต้อง จะช่วยให้มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้ เข้าใจกันได้ เกินจินตนาการร่วมกัน อีกทั้งยังเกิดทัศนคติที่ดีต่อกันด้วย หรือถึงขั้นคล้อยตามให้ปฏิบัติตามได้

กราฟฟิก

                                       กราฟฟิก ( Computer Graphics )

สามารถถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิก            
           
            ในอดีตคอมพิวเตอร์าญทางระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้แพร่หลายมากขึ้นและผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกก็มีอยู่ทุกระดับ
            แนวความคิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิกจะว่าด้วยทุกๆ ส่วนที่ประกอบกันกลายเป็นภาพ ซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของการสร้างภาพก่อน โดยเริ่มจากองค์ประกอบของภาพ รูปแบบของภาพในแต่ละแบบที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถสร้างขึ้นมาได้ รูปแบบของไฟล์ที่นำมาใช้งานมีอะไรบ้าง และถ้าต้องการนำภาพนั้นมาใช้กับงานพิมพ์ควรทำอย่างไร ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณา ไปเป็นสื่อใหม่ในลักษณะงานด้านมัลติมีเดีย ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่เรียกว่า “นักคอมพิวเตอร์กราฟิก” มาช่วยในการออกแบบงานต่างๆ หรือประยุกต์ใช้กับการทำงาน



ความรู้เรื่องความละเอียด
พิกเซล ( Pixel)      
          พิกเซล (Pixel) เป็นคำผสมของคำว่า Picture กับคำว่า Element หรือหน่วยพื้นฐานของภาพ เทียบได้กับ "จุดภาพ" 1 จุด แต่ละพิกเซลเปรียบได้กับสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่บรรจุค่าสี โดยถูกกำหนดตำแหน่งไว้บนเส้นกริดของแนวแกน x และแกน y หรือในตารางเมตริกซ์สี่เหลี่ยม ภาพบิตแมปจะประกอบด้วยพิกเซลหลายๆ พิกเซล


                                 
                     พิกเซลของภาพขาวดำ                                Pixel ของภาพสี


จำนวนพิกเซลของภาพแต่ละภาพ จะเรียกว่า ความละเอียด หรือ Resolution โดยจะเทียบจำนวนพิกเซลกับความยาวต่อนิ้ว ดังนั้นจะมีหน่วยเป็น พิกเซลต่อนิ้ว ( ppi: pixels per inch) หรือจุดต่อนิ้ว ( dpi; dot per inch) ภาพขนาดเท่านั้นแต่มีความละเอียดต่างกัน แสดงว่าจำนวนพิกเซลต่างกัน และขนาดของจุดพิกเซลก็ต่างกันด้วย

ความละเอียดในการแสดงผล ( Resolution ) 
          คำนี้สามารถใช้ได้กับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ความละเอียดของการแสดงผลของเครื่องพิมพ์ หรือความละเอียดในการแสดงผลของจอภาพ ดังนั้นความละเอียดในการแสดงผลจึงหมายถึง จำนวนหน่วยต่อพื้นที่

ความละเอียดของรูปภาพ 
          หมายถึง จำนวนพิกเซลต่อพื้นที่การแสดงผล มีหน่วยเป็นพิกเซลต่อนิ้ว ( pixels per inch - ppi ) โดยพิกเซลจะมีขนาดไม่แน่นอนขึ้นกับอุปกรณ์เอาต์พุต เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ถ้ารูปภาพมีความละเอียด 300 dpi เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์สามารถพิมพ์ได้ 300 dpi นั่นคือเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์จะใช้ 1 จุดสำหรับแต่ละพิกเซลของภาพ

ความละเอียดของจอภาพ 
          หมายถึง หน่วยของจำนวนจุดที่มากที่สุดที่จอคอมพิวเตอร์สามารถผลิตได้ โดยความละเอียดในการแสดงผลของจอ จะขึ้นกับวีดีโอการ์ด ที่เรียกว่าการ์ดจอ ซึ่งจะมีความสามารถในการแสดงผลหลากหลาย เช่น แสดงผลที่ความละเอียด 800 x 600 พิกเซล หมายถึง จำนวนพิกเซลในแนวนอน เท่ากับ 800 และจำนวนพิกเซลในแนวตั้ง เท่ากับ 600

ความละเอียดของเครื่องพิมพ์
           คือ จำนวนจุดเลเซอร์ที่เครื่องพิมพ์สามารถผลิตได้ต่อนิ้ว เช่น ถ้าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์มีความละเอียด 300 จุดต่อนิ้ว ( dots per inch – dpi ) นั่นคือ เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ได้ 300 จุดทุกๆ 1 นิ้ว

ระบบสีของคอมพิวเตอร์


 ระบบสี Additive       
            ปกติเมื่อพูดถึงสี มักจะนึกถึงแม่สี 3 สีแต่อย่างไรก็ตาม การใช้สีกับงานกราฟิกในคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดหลายประการ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ ดังนั้นจึงควรทราบระบบสีของคอมพิวเตอร์ก่อน
            ระบบสีของคอมพิวเตอร์ จะเกี่ยวข้องกับการแสดงผลแสงที่แสดงบนจอคอมพิวเตอร์ โดยมีลักษณะการแสดงผล คือ ถ้าไม่มีแสดงผลสีใดเลย บนจอภาพจะแสดงเป็น "สีดำ" หากสีทุกสีแสดงผลพร้อมกัน จะเห็นสีบนจอภาพเป็น "สีขาว" ส่วนสีอื่นๆ เกิดจากการแสดงสีหลายๆ สี แต่มีค่าแตกต่างกัน การแสดงผลลักษณะนี้ เรียกว่า การแสดงสีระบบ Addivtive
            สีในระบบ Additive ประกอบด้วยสีหลัก 3 สี (เช่นเดียวกับแม่สี) คือ สีแดง ( Red) สีเขียว (Green) และ สีน้ำเงิน ( Blue) เรียกรวมกันว่า RGB ซึ่งมีรูปแบบการผสมสีของ RGB ดังนี้


ระบบสี Subtractive
           ระบบสี Subtractive มีลักษณะที่ตรงข้ามกับ Additive โดยสีแต่ละสีจะได้จากการลบสีต่างๆ ออกไปจากระบบ ดังนั้น หากไม่มีการแสดงสีใดๆ จะแสดงผลเป็นสีขาว ขณะที่การแสดงสีทุกสี จะปรากฏเป็นสีดำ และสีหลัก หรือแม่สีของระบบนี้ จะประกอบด้วย สีฟ้า ( Cyan) สีม่วงแดง ( Magenta) และสีเหลือง ( Yellow) หรือระบบ CMY เป็นระบบสีที่ใช้กับงานสิ่งพิมพ์ ซึ่งมักจะรวมเอาสีดำ มาเป็นแม่สีด้วย จึงเรียกว่าระบบ CMYK (Cyan, Magenta, Yellow, blacK) นั่นเอง

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทบาทของคอมพิวเตอร์ในวงราชการ

งานราชการ เป็นหน่วยงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด โดยมีการใช้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพิวเตอร์ , กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมโยงไปยังสถาบันต่างๆ , กรมสรรพากร ใช้จัดในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี เป็นต้น
          คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำทะเบียนราษฎร์ ช่วยในการนับคะแนนเลือกตั้งและรวบรวมเพื่อประกาศผล การคิดภาษีอากร การบริหารทั่วไป การสวัสดีการต่าง ๆ การรวบรวมข้อมูลและสถิติ การบริหารงาน การทำงานสาธารณูปโภค ในการทหารอาจจะใช้คอมพิวเตอร์ในการยิงจรวจนำวิถี การยิ่งปืนใหญ่
การเดินเรือรบ เป็นต้น
           กระทรวงยุติธรรมใช้คอมพิวเตอร์ในการบันทึกคำพิพากษาศาลฎิกาฉบับย่อทุกคดีให้ผู้พิพากษาได้ค้นหาคดีต่าง ๆ เพื่อประกอบพิจารณาตัดสินความ
กระทรวงศึกษาธิการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดทำประวัติครูทั่วประเภท ทำสถิตินักเรียนและโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อช่วยในการบริหารการศึกษาทั่วประเทศ
         กระทรวงพาณิชย์ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำสถิติข้อมูลการค้าของประเทศ ทำดัชนีราคา เก็บทะเบียนการค้า การควบคุมโควต้าการส่งออกสินค้าบางชนิด ฯลฯ
        กระทรวงอุตสาหกรรมใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการเก็บทะเบียนโรงงาน ข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติ       

       กระทรวงเกษตรใช้คอมพิวเตอร์ในการรวบรวมข้อมูลผลผลิตทางการเกษตร เพื่อวางแผนร่วมกับ
      กระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการผลิต
       กระทรวงมหาดไทยใช้คอมพิวเตอร์ในการทำทะเบียนสำมะโนครัว บัตรประจำตัวประชาชน รวบรวมข้อมูลและสถิติต่าง ๆ ของกระทรวงก็มีการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ เช่น กรมราชทัณฑ์ใช้คอมพิวเตอร์ในการรวบรวมรายชื่อผู้ต้องขังในคดีต่าง ๆ คำนวณวันพ้นโทษ คำนวณวันอภัยโทษ กรมตำรวจใช้คอมพิวเตอร์ในการทำทะเบียนประวัติอาชยากร รวบรวมสถิติอาชญากรรม การติดต่อสื่อสาร
      กระทรวงการคลังใช้คอมพิวเตอร์ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอากรและตรวจสอบว่าการเสียภาษีอากรถูกต้องหรือไม่
การไฟฟ้า การประปา และองค์การโทนศัพท์ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชีและออกใบเสร็จรับเงินแก่ผู้ใช้บริการ

  • คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำทะเบียนราษฎร์

  • คอมพิวเตอร์ช่วยในการนับคะแนนเลือกตั้ง คิดภาษี อากร การบริหารทั่วไป

  • คอมพิวเตอร์ช่วยในการรวบรวมข้อมูลและสถิติ

  • การบริหารงานทั่วไปของหน่วยงานราชการ ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ยิ่งขั้น

  • วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

    WireLess คืออะไร

    Wireless LAN มีความหมายคือ คำว่า Wireless เป็นคำภาษาอังกฤษที่แปลว่า ไร้สาย ส่วน LAN (Local Area Network) หมายถึงเครือข่าย รวมแล้ว Wireless LAN แปลว่าเครือข่ายไร้ ซึ่งหมายถึง การที่คอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่เชื่อมต่อกัน สื่อสารกัน ส่งไฟล์ ส่งภาพและเสียงถึงกัน ผ่านทาง internet โดยไม่ต้องใช้สายต่อนั่นเอง ง่ายๆก็คือ ถ้าเป็นเครือข่าย LAN ธรรมดา ในกรณีที่เราจะใช้เครือข่าย หรือใช้ internet เราจะเห็นว่าต้องมีสาย ที่มีหัวคล้ายหัวของสายโทรศัพท์ ที่เรียกว่าสายแลน มาเสียบที่ด้านหลังของเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่สายหนึ่ง เพื่อให้การส่งข้อมูลที่เราจะส่งไป ผ่านทางสายนี้ แต่ถ้าเป็น Wireless LAN เราไม่ต้องใช้สาย LAN มาเสียบแต่อย่างใด โดยข้อมูลจะวิ่งผ่านคลื่นวิทยุ ลักษณะเดียวกับการฟังวิทยุ  ซึ่งมีหลักคือการทำงานจะมีอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณ และกระจายสัญญาณ หรือที่เราเรียกว่า Access Point ที่ไปติดตามพื้นที่ให้บริการ และ มี Wireless Card ที่อยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ notebook เป็นตัวรับและส่งสัญญาณ โดยเจ้า Wireless Card นี้ปัจจุบันถ้าท่านซื้อเครื่องใหม่ส่วนมากจะ Buit-in คือมีมาให้เองอยู่แล้ว สามารถรับสัญญาณ Wireless ได้เลย แต่ถ้าเป็นเครื่องเก่าที่ไม่มี Wireless card มาให้ ท่านต้องไปหาเจ้าตัว Wireless Card หรือ USB Adapter มาติดตั้งเพื่อรับส่งสัญญาณ ในการใช้งานเห็นไหมล่ะคะท่าน! ทีนี้เวลาท่านต้องการใช้ internet ท่านก็ไม่จำเป็นต้องนั่งจับเจ่าอยู่กับห้องทำงานหรือห้องที่จัดให้บริการไว้เท่านั้นอย่างเดียวแล้วนะคะ ท่านสามารถยก notebook ของท่านมานั่งทำงานตามสถานที่ที่ให้บริการ wireless โดยไม่ต้องลากสาย LAN ต่อให้ยุ่งยากแล้ว แถมบางสถานที่ยังได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ อาจเป็นใต้ต้นไม้ สวนสาธารณะ หรือบริเวณที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ที่ จุดให้บริการ Wireless ไปถึงอีกต่างหากนะคะ นี่แหละค่ะที่เค้ากล่าวกันว่ายุคสมัยนี้เราสามารถเสพข้อมูลข่าวสารได้ แบบ Anyone Anytime and Anywhere 

    แลนไร้สายหรือ ไวเลสแลน (Wireless LAN, WLAN) คือระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายภายในพื้นที่แบบไร้สาย โดยใช้คลื่นความถี่วิทยุใน การเชื่อมต่อหรือสื่อสารกัน การเชื่อมต่อแลนไร้สายมีทั้งแบบเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกัน และเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Access Point)
    นิยาม
    ไวเลส (Wireless) คือ ไม่มีสาย ลองนึกภาพถึงแลนปกติที่เชื่อมต่อกันระหว่างคอมพิวเตอร์กับสวิตซ์ (Switch) หรือฮับ (Hub) ด้วยสายสัญญาณที่เรียกว่า สาย UTP แต่ไวเลส คือการเชื่อมต่อที่ไม่มีมีสายแลนนั่นเอง
    แลน (LAN) คือระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายภายในพื้นที่ เช่นระบบแลนภายในบ้าน ในบริษัทหรือองค์กร ในมหาวิทยาลัย เป็นต้น
    มาตราฐานความเร็วของแลนไร้สาย ความเร็วที่ใช้ในการสื่อสารกันหรือเชื่อมต่อกัน มีมาตราฐานรองรับ เช่น IEEE 802.11a, b และ g ซึ่งแต่ละมาตราฐานจะบอกถึงความเร็วและคลื่นความถี่ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร กัน เช่น
    สำหรับมาตรฐาน IEEE 802.11a มีความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps ที่ความถึ่ย่าน 5 GHz
    สำหรับมาตรฐาน IEEE 802.11b มีความเร็วสูงสุดที่ 11 Mbps ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHz
    สำหรับมาตรฐาน IEEE 802.11g มีความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHz
    ในประเทศไทยอนุญาตให้ใช้ช่องคลื่นความถี่ที่ 2.4 GHz เป็นคลื่นความถี่เสรี ที่ทุกคนสามารถติดตั้งและใช้งานได้ จึงทำให้ในประเทศไทยจะมีอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Access Point) ที่จำหน่ายเพียงสองมาตราฐานคือ IEEE 802.11b และ g เท่านั้น

    วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

    osi




    Data Link layer
              จะเตรียมส่งผ่านข้อมูลข้ามเครือข่ายทางกายภาพ Data link layer ที่ต่างกันก็มีรายละเอียดของเครือข่าย และ
    protocol ที่ต่างกัน รวมไปถึง physical address, network topology ,การประกาศข้อผิดพลาด , ลำดับของ
    frame และการควบคุมการไหลของข้อมูล  Data Link layer  จะแปลข้อมูลจาก  Network layer   ให้เป็น  bits
    สำหรับ Physical layer เพื่อถ่ายโอนข้อมูล โดยรูปแบบ คือ จากข้อมูลแปลงเป็น frame  แล้วเพิ่มส่วนหัวของข้อมูล
    ซึ่งได้แก่ แหล่งกำเนิดและที่อยู่ของอุปกรณ์หลายทางData link layer จะรับผิดชอบการค้นหาอุปกรณ์บนเครือข่าย


    Network layer


    ทำหน้าที่กำหนดเส้นทางและสร้างความสัมพันธ์กับข้อมูลหลายๆตัว ให้เชื่อมต่อถึงกัน
    ภายในเครือข่าย ซึ่งทำได้โดยการใช้ logical addressing ของอุปกรณ์ต่อเชื่อมซึ่งต่างจากที่อยู่ทางกายภาพของ
    ข้อมูลNetwork layer จะสนับสนุนการทำงานทั้งการต่อเชื่อมจากจุดกำเนิดและการต่อเชื่อมกับ   protocol ที่อยู่
    ใน layer ที่สูงกว่า protocol ที่อยู่ใน Network  layer คือ  protocol  ที่ใช้ในการเลือกเส้นทางและสนับสนุน
    การทำงานใน layer  นี้ได้ดี router จะทำงานอยู่ใน   layer   นี้และทำหน้าที่ให้บริการเกี่ยวกับการเลือกเส้นทางให้
    กับเครือข่าย

    Packet ที่ใช้ใน Network layer มี 2 ประเภท
    Data Packet

    - ใช้ส่งผ่านข้อมูลของผู้ใช้ภายในเครือข่าย
    - Protocol ที่ใช้ในแรเลือกเส้นทาง ได้แก่ IP และIPX

    Router Update Packet
    - ใช้ปรับปรุงเส้นทางการเชื่อมต่อของเครือข่าย
    - Protocol ที่ใช้ ได้แก่ RIP, EIGRP, OSPF
    - สร้างและบำรุงรักษาตารางเส้นทางใน router

    Session layer        


    จะทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการเริ่มต้นและการสิ้นสุดการติดต่อสื่อสารของข้อมูลที่ส่งผ่านระบบเครือ
    ข่าย   นอกจากนี้ยังทำหน้าที่กำหนดว่าการติดต่อสื่อสารจะเป็นไปในลักษณะใดได้แก่ simplex,half-duplex   และ    full-duplex

    Session Layer Protocal and Interfaces(ระดับชั้นเซสชั่นและการติดต่อ)
    NFS(Network File System)

    พัฒนาโดยSun Microsystems และใช้กับTCP/IP และเครื่องลูกข่ายที่เป็น Unix เพื่อทำการเข้าถึงทรัพยากรที่ไกลออกไป

    SQL

    พัฒนาโดย IBM เพื่อให้ผู้ใช้ทำงานได้ง่ายขึ้น ให้กำหนดความต้องการของผู้ใช้ทั้งในระบบของตัวเองและระบบอื่นที่ไกลออกไป
    RPC

    เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานแบบ    client/server    บนสภาวะแวดล้อมที่ต่างกัน ซึ่งจะทำการสร้างตัวเครื่องลูกข่ายไว้บน server เลย
    X Window

    นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายใช้กับเครื่อง   terminal   เพื่อติดต่อสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Unix ที่ไกลออกไปโดยยอมให้
    ผู้ใช้ได้ทำงานบน monitor ที่อยู่ภายในได้


    Apple Talk Session Protocal
    เป็นการทำงานแบบ client / server ที่เน้นการบำรุงรักษาระหว่างเครื่องลูกข่าย Apple Talk และเครื่อง server

    Digital Network Architecture Session Control Protocal

    ได้แก่ DEC net session layer protocal